AF4 VS THAI SOCIETY

AF4 กับสังคมไทย

             คงไม่ช้าไปนะครับที่จะเขียนถึง AF4 หรือ True Academy Fantasia – Season 4 ที่กำลังจะปิดฉากลงในวันเสาร์ที่ 8 กันยายนนี้ ที่อยากเขียนถึงเรื่องนี้ ไม่ได้เชียร์นักล่าฝันคนใดเป็นพิเศษนะครับ แต่อยากจะเขียนในแง่มุมที่ผมเฝ้ามองความเป็นไปของสังคมคนไทยของเราด้วยกัน

            สิ่งที่ผมได้จากการดูรายการ Reality Show นี้ นอกจากความบันเทิงที่ได้รับแล้ว มันยังสะท้อนให้เห็นถึงสังคมไทยในปัจจุบันที่ได้รับการถ่ายทอดจากคนรุ่นเก่าสู่คนรุ่นใหม่อย่างชัดเจน และคงจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ผมอยากให้เป็นได้ยาก แต่ในใจลึกๆ ก็ยังแอบหวังเล็กๆ ว่า คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่น่าจะมีความคิดที่สร้างสรรค์ และมีวุฒิภาวะพอที่จะไม่ทำตามสิ่งที่ผู้ใหญ่ทำไว้ไม่ค่อยจะถูกต้องเท่าไหร่ ความจริงผมไม่อยากจะเขียนเรื่องอะไรที่ค่อนข้างเครียดๆ ในนี้ แต่วันนี้ขอสักนิดละกัน ก็แค่หวังว่าสิ่งที่ผมคิดและถ่ายทอดออกมาเป็นตัวอักษรต่อไปนี้น่าจะทำให้คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่เก็บเอาไปลองคิดดูบ้าง เพราะผมถือว่าคนหนุ่มสาวที่กำลังจะเติบใหญ่ต่อไป ยังพอมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งต่างกับคนรุ่นเก่าที่คงไม่อาจจะไปเปลี่ยนความคิดหรือทัศนคติอะไรได้อีกแล้ว

            ผมขอโยงเรื่องของรายการ AF4 เข้ากับการสังคมไทยโดยผ่านเรื่องราวของการเมือง… แต่อย่าเพิ่งด่วนสรุปนะครับว่าผมจะมาเขียนถึงเรื่องการเมืองที่กำลังเป็นประเด็นร้อนอยู่ในปัจจุบัน ที่ผมกำลังจะบอกก็คือ สิ่งที่ผมได้ดูจากรายการ AF4 นั้น มันทำให้ผมนึกถึงการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคการเมืองแต่ละพรรคทั้งในอดีต ปัจจุบัน และที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต นักล่าฝันแต่ละคนที่อยู่ในรายการก็เปรียบเสมือนพรรคการเมืองแต่ละพรรค ส่วนแฟนคลับก็เปรียบได้กับหัวคะแนนหรือสมาชิกของแต่ละพรรค ผมเขียนมาถึงตรงนี้ หลายคนคงพอจะมองเห็นภาพแล้วนะครับว่าผมกำลังจะพูดถึงอะไร ถ้าใครที่เคยเปิดดู AF4 ทางหน้าจอทีวีที่มีการขึ้นข้อความของผู้ชม ซึ่งส่วนใหญ่คือแฟนคลับของนักล่าฝันแต่ละคนที่ส่งเข้ามา ก็พอจะเดาออกแล้วว่า มันคล้ายกับการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคการเมืองอย่างไร

            ความต่างกันก็คือ กลุ่มของคนที่ส่งข้อความเข้ามาส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่นที่อายุต่ำกว่า 20 ปี แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือ ลักษณะของการเชียร์หรือการหาเสียงนั้นคล้ายกับสิ่งที่ผู้ใหญ่ในพรรคการเมืองเขาทำกัน สิ่งนั้นก็คือ การใส่ร้ายป้ายสีคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่จริงก็ตาม โดยพยายามโน้มน้าวให้มหาชน หรือคนดูทั่วไปเชื่อในสิ่งที่ตนเองบอก โดยหวังผลว่าคะแนนความนิยมของมหาชนของคู่แข่งจะได้ลดลง จากคำพูดหรือข้อเขียนตาม web board ต่างๆ จะเห็นได้ชัดว่า มีการใช้ข้อความที่รุนแรง ใส่ร้ายป้ายสีกันอย่างเสียๆ หายๆ โดยไม่คำนึงถึงศีลธรรมอันดีงามของไทย ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับการหาเสียงเลือกตั้งของบ้านเราเลย แทนที่หัวคะแนนหรือแฟนคลับจะช่วยกันพยายามนำเสนอแต่สิ่งที่ดีๆ หรือจุดเด่นของพรรค หรือนักล่าฝันที่ตัวเองชื่นชอบอย่างเต็มที่ เพื่อให้มหาชนหรือคนทั่วไปได้พิจารณาและตัดสินใจเอง แต่กลับมาใส่ร้ายป้ายสีคู่แข่ง และสิ่งที่มหาชนได้รับรู้และสัมผัสก็จะมีแต่สิ่งที่เป็นด้านลบของแต่ละคนแต่ละพรรคจนแทบหาความดีไม่ได้

            ในขณะที่บ้านเมืองเราต้องการความรักความสามัคคีของคนในชาติ เพื่อให้ชาติเข้มแข็ง แต่สิ่งที่สะท้อนออกมาจากคนรุ่นหลัง ก็เริ่มส่อแววว่ามีความแตกแยกกันอย่างเห็นได้ชัด จากพฤติกรรมของการดูรายการ AF4 จริงอยู่ มันเป็นเกมการแข่งขัน แต่ผมมองไม่เห็นความจำเป็นอะไรเลยที่จะต้องออกมาเชียร์กันโดยไปใส่ร้ายป้ายสีคู่แข่ง ถ้าไม่ได้เกิดจากการซึมซับเอาพฤติกรรมของผู้ใหญ่ที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งมาปรับใช้ในการเชียร์นักล่าฝันของวัยรุ่นเหล่านี้

            สิ่งที่ผมเขียนมาทั้งหมดนี้ก็แค่อยากจะให้ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเชียร์ หรือการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคการเมืองแบบเดิมๆ มาเป็นแบบที่สร้างสรรค์ นำเสนอแต่สิ่งที่ดีๆ หรือที่คิดว่าเป็นจุดเด่นของนักล่าฝันที่ตนเองเชียร์ หรือพรรคการเมืองที่เราสนับสนุน และให้มหาชนได้ตัดสินเองโดยใช้ข้อดีหรือจุดเด่นมาชั่งน้ำหนักในการตัดสินเลือก ไม่ใช่ให้มหาชนนำข้อมูลว่าใครมีข้อเสียน้อยกว่า หรือใครน่าสงสารมากกว่ากัน มาตัดสินอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพราะนั่นมันไม่ได้ทำให้คนที่ถูกเลือกหรือพรรคการเมืองที่ถูกเลือกเป็นคนหรือพรรคการเมืองที่เหมาะสมที่สุด แต่อาจจะเป็นเพราะถูกเลือกด้วยเหตุผลว่าน่าสงสารที่สุดต่างหาก ซึ่งหลายคนคงจะไม่ปฏิเสธว่า ลึกๆ แล้วเรามักจะเชียร์หรือเลือกคนที่ถูกรังแกโดยไม่มีทางสู้

            ก็ขอฝากวัยรุ่น คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ให้ช่วยกันเปลี่ยนแนวความคิด ที่ใช้กันมาจนเป็นวัฒนธรรมไปแล้วเสียใหม่ เพื่อสังคมไทยจะได้มีความรักสามัคคีกันมากขึ้น และจะได้เป็นเกราะป้องกันศัตรูต่างชาติที่มุ่งคิดร้ายต่อชาติบ้านเมืองของเรา … ผมก็ได้แต่หวังเล็กๆ เท่านี้แหละครับ