ออกรอบตีกอล์ฟที่คุนหมิง
ความจริงก็กลับมาจากคุนหมิงได้เกือบ 2 สัปดาห์แล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้เข้ามาเขียนสักที วันนี้พอมีเวลานิดหน่อย ก็ขอบันทึกเอาไว้กันลืมละกันว่าครั้งหนึ่งได้ไปออกรอบตีกอล์ฟในระหว่างวันที่ 14 – 16 กันยายน ณ สนามกอล์ฟที่นักกอล์ฟส่วนใหญ่ต่างลงความเห็นว่าเป็นสนามกอล์ฟที่ขึ้นชื่อที่สุดในเอเชีย นั่นคือสนาม Spring City Golf and Lake Resort และสนาม Kunming Sunshine Golf Club ซึ่งอยู่ในตัวเมืองคุนหมิง มลฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งอยู่บนที่ราบสูงเหนือระดับน้ำทะเลมากกว่า 1,800 เมตรทีเดียว บังเอิญว่าการเดินทางไปครั้งนี้ยังเป็นช่วงปลายฝน จึงทำให้ไม่ได้สัมผัสอากาศหนาวเย็น แต่กลับเจอฝนตกประปรายแทน อุณหภูมิในตอนนั้นอยู่ระหว่าง 17 – 25 องศาเซลเซียส เรียกว่ากำลังสบายๆ ถ้าท้องฟ้าไม่มีเมฆครึ้มและฝนพรำๆ ละก้อคงดีไม่น้อย
วันแรกที่เดินทางไปถึงคุนหมิงเป็นช่วงบ่ายแล้ว จึงไม่สามารถไปออกรอบตีกอล์ฟได้ทัน ก็เลยเป็นโอกาสได้ขึ้นไปเที่ยวบนเขาซีซาน (Xi-Shan) ซึ่งตั้งอยู่ติดกับทะเลสาบน้ำจืดเตียนฉือ (Dianchi Lake) บนภูเขาแห่งนี้มีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หลายแห่งประกอบกับตำนานเรื่องเล่าความเป็นมาอันน่าพิศวง เช่น หอยี่หวน (Jade Emporor Pavilion) บ่อวัวกตัญญู (Filial Cattle Spring) และที่เป็นจุดไฮไลท์ก็คือประตูมังกร (Dragon Gate) ที่ตั้งอยู่ริมหน้าผาอันสูงชันของภูเขาซ๊ซานด้านที่ติดกับทะเลสาบน้ำจืดเตียนฉือนั่นเอง ณ จุดนี้ จะสามารถมองข้ามทะเลสาบไปก็จะเห็นตัวเมืองคุนหมิงได้อย่างชัดเจน แต่ในขณะที่เดินลัดเลาะไปตามไหล่เขาก็ทำให้รู้สึกเสียวได้ไม่น้อย เพราะถ้าพลาดตกลงไป ศพคงไม่สวยแน่นอน
ตามประวัติศาสตร์กว่า 2,400 ปี เขาเล่าสู่กันมาว่าเมืองคุนหมิง เป็นประตูสู่เส้นทางสายไหม (Silk Road) ซึ่งจะเชื่อมจีนผืนแผ่นดินใหญ่ทางฝั่งตะวันออกสู่ทิเบต และเสฉวนทางด้านตะวันตกของจีน ยิ่งกว่านั้น คุนหมิงยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีนอีกด้วย ซึ่งก็พอจะพิสูจน์ได้ว่า พอเอ่ยชื่อ “คุนหมิง” ทุกคนก็ร้องอ๋อ เพราะชื่ออาจจะพ้องกับ “คุณหมวย” ก็เป็นได้ ฮ่าๆๆๆ ขำๆ นะครับ อย่าไปจริงจังมากนัก อ้อเกือบลืม … มีคนบอก เมืองคุนหมิงได้รับสมญานามว่า “เมืองแห่งฤดูใบไม้ผลิ” (Spring City) ด้วยสาเหตุใดนั้นลืมไปซะแล้ว ใครอยากทราบก็ลองไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมดูนะครับ แล้วกลับมาบอกๆ กันบ้างก็จะดีมากๆ เลย
ลงจากเขาซีซานมาได้ก็มืดพอดี อาหารค่ำมื้อแรกที่มาเยือนคุนหมิงก็คือ “สุกี้เห็ดสดรวม” เขาว่ากันว่าอีกนั่นแหละ คนคุนหมิงนิยมรับประทานสุกี้เห็ดเพื่อสุขภาพ สองฝากถนนที่ไปรับประทานอาหารมื้อค่ำวันนั้น ก็เต็มไปด้วยภัตตาคารที่ขายสุกี้เห็ดสดเพื่อสุขภาพทั้งย่านเลยก็ว่าได้ วันนั้นที่เข้าไปก็คล้ายๆ ภัตตาคารจีนทั่วๆ ไป แต่กลางโต๊ะจะมีหม้อต้มสุกี้หรือหม้อต้มน้ำซุปกระดูกหมูตั้งอยู่ ในขณะที่น้ำในหม้อกำลังเดือดเต็มที่ พนักงานเสริฟ ก็จะนำเห็ดสดๆ เท่าที่นับๆ ดูน่าจะมากกว่า 7 ชนิด ใส่ลงไปในหม้อ แล้วปิดฝาหม้อทันที เขาบอกว่าจะต้องต้มต่อไปอีกอย่างน้อย 15 นาที ห้ามไม่ให้ใครเปิดฝาหม้อก่อน ไม่งั้นพนักงานเสริฟจะมามองหน้าทำตาเขียวใส่ ฮ่าๆๆๆ เป็นอันว่า มื้อนั้นก็ได้ทานเฉพาะสุกี้เห็ดอย่างเดียวจนอิ่มหนำสำราญกันไป ถ้าจะถามว่าอร่อยมั๊ย อันนี้คงขึ้นอยู่กับลิ้นของแต่ละคนครับ ถ้ามีโอกาสก็ลองไปชิมกันดูนะครับ ได้ข่าวว่าแถวเชียงใหม่บ้านเราก็มีสุกี้เห็ดรวมเพื่อสุขภาพคล้ายๆ กับที่คุนหมิงเหมือนกัน
มาว่ากันต่อเรื่องราตรีในเมืองคุนหมิง เท่าที่เดินออกสำรวจดู ผมว่าบรรยากาศเงียบเหงาเหมือนอำเภอเล็กๆ บ้านเราเลย ขนาดแค่ 2 ทุ่มกว่าๆ ตามห้าง หรือริมถนนหนทางก็ไม่ค่อยมีผู้คนออกมาเดินกันแล้ว และที่แปลกก็คือ แทบไม่เห็นวัยรุ่นของจีนออกมาเดินตามห้างเหมือนแถวสยามฯ ในกรุงเทพฯ ความคิดที่อยู่ในสมองที่ว่า “มาคุนหมิงจะได้เจอคุนหมวยขาวๆ น่ารัก” คงไม่ใช่แล้วล่ะ เพราะอยู่ที่นั่น 2 คืน 3 วัน ไม่เห็นเข้าตาสักคนพอที่จะทำให้ยกกล้องขอถ่ายรูปด้วยสักคน ฮ่าๆๆๆ สรุปก็คือ บ้านเราดีกว่าเยอะครับ หมายถึงของสวยๆ งามๆ มีให้เห็นมากมาย แต่ที่นั่นเห็นแต่อาม่า ซะส่วนใหญ่ สาววัยรุ่นแต่งตัวเซ็กซี่แบบบ้านเราไม่มีเลย เอ… หรือว่า ย่านที่ผมสำรวจ อาจจะไม่ใช่ย่านที่วัยรุ่นเขาไปเดินเล่นกันก็เป็นได้ครับ ถ้าใครมีข้อมูลเป็นอย่างอื่นก็มาแบ่งปันกันได้ด้วยความขอบคุณล่วงหน้าเอาไว้ ณ ที่นี้
แต่ก็นั่นแหละครับ จุดประสงค์ของการเดินทางไปคุนหมิงครั้งนี้คือการไปตีกอล์ฟ เพราะฉะนั้นเขาก็เลยไม่ได้จัดให้เราไปดูของสวยๆ งามๆ อย่างที่บ่นข้างนี้ก็เป็นได้ งั้นมาต่อกันเรื่องตีกอล์ฟดีกว่า เช้าวันที่สองของการเดินทางก็มาอยู่ที่สนามกอล์ฟ Kunming Sunshine Golf Club แต่เฮ้อ… พอจะทีออฟหลุมแรกเท่านั้น ฝนก็เทลงมา ดีหน่อยที่ตกอยู่ประมาณ 15 นาที แล้วหยุด เนื่องจากสนามนี้เป็นสนามภูเขา ฝนหยุดตกก็สามารถออกรอบได้ทันที ไม่มีน้ำขังให้เฉอะแฉะ ส่วนแฟร์เวย์จะนุ่มกว่าปกติ คนที่กะจะตีให้ลูกกลิ้งต่อไปอีกสัก 10 – 20 หลาคงไม่ต้องหวัง เพราะลูกตกก็เกือบจะหยุดทันที สภาพทั่วไปของสนามนี้ก็ต้องยอมรับว่าเขารักษาได้ดีมาก แต่ปัญหาของพวกเราที่ไปเล่นในวันนั้นก็คือ สื่อสารกับแคดดี้ไม่รู้เรื่อง เพราะแคดดี้ที่นั่นพูดไทยไม่ได้ อังกฤษก็ได้ไม่กี่คำ เลยทำให้ต้องพึ่งตัวเองไม่ว่าจะเป็นการดูไลน์ ซึ่งก็ทราบดีว่าสนามภูเขานั้นดูไลน์ยากมาก จึงไม่แปลกที่หลายคนตีขึ้นมา 2 ออน แต่ทำ 4 พัตต์ ใครที่คิดจะไปตีที่นั่น ต้องทำใจเผื่อนะครับ เพราะหวังให้แคดดี้ช่วยดูไลน์ให้คงยาก เพราะแคดดี้พูดได้แค่ว่า up hill, down hill, left, right อย่างอื่นคงไม่ต้องถาม ฮ่าๆๆ แต่ก็สนุกไปอีกแบบครับ ถือเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตละกัน
ส่วนวันที่สาม ก็ไปสัมผัสสนามที่เขาบอกว่าเป็นสนามที่เยี่ยมที่สุดในเอเชีย นั่นคือ Spring City Golf and Lake Resort ซึ่งอยู่ริมทะเลสาบน้ำจืด ที่นี่มี 2 สนาม เป็นสนามภูเขาและสนามติดกับทะเลสาบ วันนั้นไปตีที่สนามทะเลสาบ (Lake Course) แต่โชคไม่เข้าข้างอีกแล้วครับ เพราะเจอฝนตกปรอยๆ ตลอดทั้ง 18 หลุม เลยไม่ได้พิสูจน์จริงๆ ตามคำร่ำลือที่ว่า สนามนี้มีแฟร์เวย์ที่นุ่มดั่งพรม แต่กรีนเรียบและเร็วเหมือนผิวแกรนิตจริงหรือเปล่า ถ้าใครได้ไปสัมผัสในวันที่อากาศแจ่มใส โดยเฉพาะหน้าหนาวที่ไม่มีฝน คงจะบอกได้นะครับว่ามันคงเป็นเช่นนั้นจริงๆ
เขียนมาก็เยอะพอสมควร คนเขียนก็เมื่อย คนที่อดทนอ่านมาจนถึงตรงนี้ได้แสดงว่าสนใจจริงๆ เอาเป็นว่าขอจบบันทึกการเดินทางไปออกรอบตีกอล์ฟที่คุนหมิงไว้แต่เพียงเท่านี้นะครับ หากใครที่หลงเข้ามาอ่าน แล้วมีข้อแนะนำ หรือมีข้อมูลอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ ก็ฝากความคิดเห็นเอาไว้ได้นะครับ ส่วนใครที่สนใจดูภาพที่ไม่ได้อยู่ในนี้ ก็สามารถตามไปดูได้ที่ Facebook ของผมตามลิงค์ได้เลยครับ –> My Facebook – Golf Trip to Kunming
แวะมาแล้วจ้ะ
ไหนบอกว่าลืม password ครับ
ทีแรกโพสต์ยังงัยก็โพสต์ไม่ได้ค่ะ หมูก็งง555
เมืองคุนหมิงได้รับสมญานามว่า “เมืองแห่งฤดูใบไม้ผลิ” (Spring City) ด้วยสาเหตุ เนื่่องจากมีอากาศอบอุ่นตลอดทั้งปีใช่ป่ะคะ
ไม่ทราบเหมือนกันครับ อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งก็ได้ แล้วมันน่า่จะมีใบไม้ผลิตลอดทั้งปีด้วยหรือเปล่า
น่าจะใช่ค่ะ
อยู่ๆ ก็พูดขึ้นมาลอยๆ ว่า “น่าจะใช่” งงมั๊ยละครับพี่น้อง ฮ่าๆๆๆ
น่าสนุกนะครับ
คงจะสนุกกว่านี้ถ้าไม่เจอฝนครับ เสียดายเหมือนกัน
ถ้ามีความรู้เรื่องกอล์ฟหรือชอบตีกอล์ฟ
คงอยากไปกว่านี้แน่ๆเลยค่ะ ^^
แต่การเดินทางแล้วก็ไปพบเจออะไรใหม่ๆ
ไม่ว่าปลายทางจะเป็นที่ไหน
มันก็ทำให้เราตื่นเต้นได้เสมอเลย
ไม่ได้เล่นกอล์ฟก็ไปเที่ยวได้ครับ ก็เป็นเมืองหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองไทยมากนัก
ถ้าเริ่มจากกรุงเทพฯ ก็พอๆ กับเราไปสิงคโปร์นั่นแหละ …แต่การที่เราได้มีโอกาส
เห็นบ้านเมืองอื่นเขา ก็เพื่อจะได้นำมาเปรียบเทียบกับบ้านเรา สิ่งไหนที่เราดีกว่าเขา
เราก็คงไว้ แต่ถ้าเห็นสิ่งไหนที่เขาดีกว่าเรา เราก็จะได้นำมาปรับใช้ได้
@คุณอา…”ใช่จ้า” ไม่ใช่น่าจะใช่ หายงงยังฮ่าๆๆๆๆ