Archive for July, 2009

กลับคืนสู่ธรรมชาติ

saraburi02
บ่อที่ถูกขุดขึ้นมาเพื่อนำดินมาถมที่เพื่อทำการปลูกไม้ยืนต้น มีเนื้อที่ของบ่อประมาณ 1 ไร่ ความลึกของบ่อประมาณ 5 เมตร
          ห่างหายจากการเขียนเรื่องราวต่างๆ ลงบล็อกมานาน วันนี้เป็นวันอาสาฬหบูชาและเป็นวันหยุดพักผ่อน จึงพอจะมีเวลารวบรวมเรื่องราวที่ห่างหายไปมาเขียนเพื่อเป็นบันทึกความทรงจำไว้ตรงนี้ ถ้าใครที่ยังติดต่อกันอยู่ก็คงพอจะทราบแล้วว่าช่วงระยะเวลา 2 – 3 เดือนที่ผ่าน ผมจะเดินทางไป-กลับ ระหว่างกรุงเทพฯและสระบุรีเกือบทุกสัปดาห์ ทั้งนี้ก็เพราะผมตั้งใจจะพลิกฟื้นผืนดินที่เป็นมรดกตกทอดมาทำเป็นสวนไม้ยืนต้นนานาพรรณ เผื่อว่าอีก 5 ปีข้างหน้าจะได้มีธรรมชาติที่ร่มรื่น เหมาะแก่การไปพักผ่อนหย่อนใจในยามที่ต้องการหนีจากความวุ่นวายในเมืองหลวง อีกทั้งยังจะเป็นแหล่งศึกษาพันธุ์ไม้ ได้ด้วย แต่การที่จะทำตามที่วาดฝันเอาไว้คงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะบริเวณนั้นไม่มีคลองส่งน้ำ หน้าแล้งจะไม่มีน้ำให้ใช้ ถ้าจะทำตามที่คิดไว้ ก็ต้องหาทางก่อนว่าจะทำอย่างไรให้มีน้ำพอใช้ตลอดฤดูที่ไม่มีฝนตก อีกทั้งที่ดินที่เป็นอยู่ ณ ตอนนั้นก็เป็นท้องนาที่รกร้างว่างเปล่า เพราะไม่มีใครทำนา เนื่องจากน้ำไม่ค่อยบริบูรณ์ บางปีทำนาไปแล้วฝนทิ้ง ทำให้ข้าวในนาแห้งตายก็มี เรียกว่าทุนที่ลงไปก็หายไปกับความแล้ง ปัจจุบัน บริเวณรอบๆ ก็กลายเป็นที่ของหมู่บ้านจัดสรรไปเกือบจะหมดแล้ว เนื่องจากการขยายเขตของตัวเมือง ต่อไปก็คิดว่าเจ้าของที่นาเดิมๆ คงจะขายที่นาให้กับนายทุนเพื่อทำเป็นหมู่บ้านจัดสรรหมดแน่ๆ นั่นก็หมายความว่า พื้นที่โดยรอบก็จะเป็นหมู่บ้านจัดสรร คงเหลือแต่ที่ของผม ถ้าหากผมสามารถทำที่ดินแห่งนี้เป็นสวนไม้ยืนต้นนานาพรรณที่ร่มรื่นได้ ก็อาจจะเป็นปอดให้กับชุมชนละแวกนั้นเป็นอย่างดี
          เมื่อคิดได้เช่นนั้น ก็ตัดสินใจลงมือทำโดยการขุดบ่อในเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ เพื่อจะได้นำดินที่ได้จากการขุดบ่อเอามาถมที่ที่เหลือ และปรับพื้นที่ให้เรียบเพื่อความสวยงาม โดยถมสูงขึ้นมาประมาณ 60 ซม. ที่ไม่ต้องการถมสูงมาก เพราะเวลาต้นไม้เริ่มมีรากหยั่งลึกลงไปใต้ดิน จะได้มีอาหารจากหน้าดินเดิมที่เป็นทุ่งนา ลำพังดินที่ขุดขึ้นมาจากก้นบ่นนั้นเป็นดินที่เหนียวแน่นไม่มีสารอาหารที่พืชต้องการ และที่ต้องยอมสละพื้นที่ 1 ไร่ เพื่อทำบ่อก็เพราะต้องการเก็บกักน้ำเอาไว้ใช้ตลอดฤดูแล้ง แต่ก็นั่นแหละครับ ค่าใช้จ่ายในการถมที่ก็พอสมควร ใครที่คิดจะทำแบบผมก็ลองคิดดูก่อนนะครับ ผมจ้างเขามาขุดบ่อแล้วถมที่พร้อมทั้งปรับหน้าดินให้เรียบในราคาไร่ละ 25,000 บาท ถมไป 8 ไร่ก็ 200,000 บาทแล้วครับ แต่ก็ถือว่าไม่แพงนะครับ เพราะจากการสอบถามผู้รับเหมาถมที่หลายๆ รายจะอยู่ที่ไร่ละ 60,000 บาท ถมสูง 1 เมตร ถ้าเราถมสูงแค่ 60 ซม. ก็จะอยู่ที่ 36,000 บาท ทั้งๆ ที่เอาดินมาจากที่เราเองนะครับ saraburi03
หลังจากที่ปลูกต้นไม้ไปแล้ว 1 – 2 สัปดาห์ ต้นไม้ก็เริ่มฟื้นตัว บางต้นก็เริ่มผลิยอดอ่อนๆ ออกมาให้เห็น แสดงว่ารอดตายแล้ว

saraburi01
ตอนนี้บ่อที่ขุดไว้มีน้ำเกือบเต็มบ่อแล้ว สภาพน้ำใสสะอาด

น่าลงไปว่ายเล่นมากครับ ต่อไปคงจะหาปลามาปล่อยให้โตตามธรรมชาติ

          หลังจากได้บ่อและปรับพื้นที่ที่ถมใหม่เรียบร้อยก็ต้องเริ่มวางท่อส่งน้ำ ซึ่งผมใช้ทั้งท่อพีวีซีและท่อพีอี ในส่วนของท่อพีวีซีนั้นผมทำเป็นท่อเมนต่อออกมาจากปั้มที่อยู่ริมบ่อ ส่วนท่อพีวีนั้นใช้ต่อแยกไปยังต้นไม้แต่ละต้น เรียกว่าพอเปิดปั้มน้ำปุ๊บ ต้นไม้ทุกต้นจะได้รับน้ำพร้อมกันทันที ทำให้ประหยัดแรงงาน ไม่ต้องจ้างใครมาคอยดูแลรดน้ำต้นไม้ เพราะสามารถตั้งเวลาเปิด-ปิด ปั้มน้ำได้ตามต้องการ ขอบอกก่อนนะครับว่า หลังจากที่ถมที่เสร็จแล้ว งานขั้นตอนต่อไปทั้งหมดนี่ผมทำเอง โดยมีคุณพ่อคุณแม่ที่อยู่ที่นั่นช่วยบ้างตามกำลังของท่าน เริ่มตั้งแต่การวางท่อส่งน้ำ เตรียมหลุมเพื่อปลูกต้นไม้ ซึ่งผมต้องการให้ต้นไม้อยู่ในแนวเดียวกันจึงทำหลุมปลูกห่างกันในระยะ 6 X 6 เมตร ซึ่งก็คิดว่าระยะห่างขนาดนี้ก็น่าจะเหมาะสมกับไม้ยืนต้นหลากหลายชนิด แต่อาจจะไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการนัก เพราะไม้แต่ละชนิดมีกิ่งก้านสาขา ทรงพุ่ม และความสูงต่างกัน การที่จะปลูกต้นไม้ที่มีระยะห่างเท่าๆ กันเป็นแถวแบบนี้ควรจะเป็นไม้ชนิดเดียวกันหมดถึงจะถูกต้อง แต่ที่ผมปลูกเป็นไม้ยืนต้นนานาพรรณ มีทั้งไม้ผล ไม้ดอก และไม้ให้ร่มเงา จึงอาจจะดูไม่สวยงามเหมือนไม้ชนิดเดียวกัน ก็ต้องยอมรับว่าแต่ละแถวอาจจะมีต้นสูงบ้างเตี้ยบ้างคละๆ กันไป หวังว่าจะดูสวยแปลกๆ ไปอีกแบบครับ
          พอเตรียมหลุมเสร็จก็เริ่มปลูก โดยการไปหาซื้อพรรณไม้แถวๆ คลองชะอม จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งเพาะพรรณไม้ที่หลากหลายในราคาขายส่ง ผมปลูกไปชนิดละ 2 ต้น เช่น ทุเรียนก้านยาว 2 ต้น หมอนทอง 2 ต้น ชะนี 2 ต้น มังคุด ละมุด ลำไย ลิ้นจี่ มะม่วง ฯลฯ เรียกว่าผลไม้ในเขตร้อนครบทุกชนิดก็ว่าได้ ก็หวังไว้ลึกๆ ว่า อีก 5 ปีข้างหน้า คงจะมีผลไม้ออกดอกออกผลให้ได้รับประทานกันตลอดทั้งปี นอกจากผลไม้ที่มีเกือบทุกชนิดแล้ว ก็มีไม้ดอกยืนต้นอีกเพียบ อาทิเช่น หางนกยูง อินทนิล ตะแบก ราชพฤกษ์ ปีบ จำปี บัวสวรรค์ และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ชมพูพันทิพย์ ซึ่งมีคนพิเศษขอให้ปลูกไว้เพราะอีก 5 ปีข้างหน้าจะมาดูว่าปลูกไว้จริงหรือเปล่า (อย่าลืมสัญญานะครับ) ถึงตอนนี้ก็ปลูกเรียบร้อยหมดแล้ว และโชคดีที่ช่วงนี้มีฝนตกบ่อยๆ ทำให้ต้นไม้ที่เพิ่งปลูกได้ 1 – 2 สัปดาห์เริ่มฟื้นได้เร็ว บางต้นก็เริ่มออกยอดใหม่บ้างแล้ว ก็ทำให้คนปลูกชื่นใจครับ ที่ปลูกไปแล้วไม่ตายซะก่อน saraburi05
ภาพนี้ถ่ายจากด้านหลังกระท่อมที่ใช้เป็นที่พักเฝ้าสวนในตอนกลางคืน กระท่อมอยู่ติดกับบ่อน้ำ ทำให้เย็นสบาย
saraburi04
ถ้ามองจากขอบบ่อท้ายสวน ก็จะเห็นกระท่อมตั้งอยู่โดดเดี่ยว ตกกลางคืนก็เงียบสงัด มีแต่เสียงจิ้งหรีดเรไร และกบเขียดร้องประสานเสียงกัน
          เวลาที่ผมไปค้างคืนที่บ้านสระบุรี เดี๋ยวนี้ผมก็ต้องไปนอนที่กระท่อมปลายสวนดังที่เห็นในภาพนั่นแหละครับ ได้บรรยากาศที่เงียบสงบท่ามกลางธรรมชาติ ถึงแม้ตอนกลางวันจะร้อนไปหน่อยเพราะยังไม่มีร่มเงาของต้นไม้ แต่ตกตอนกลางคืน อากาศก็จะเย็นสบาย แถมยังมีกบมีเขียดร้องรำทำเพลงให้ฟังเสียงดังลั่นทุ่ง ช่างเป็นสภาพที่แตกต่างกับชีวิตของผมที่อยู่บ้านในกรุงเทพฯ แบบหน้ามือกับหลังมือเลย ถ้าจะถามว่าผมชอบแบบไหน ก็ตอบอย่างไม่ลังเลเลยว่า ผมชอบธรรมชาติแบบนี้มากกว่า ถึงแม้ว่าจะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเหมือนในเมืองหลวงก็ตาม แต่มันคือชีวิตที่อยู่กับธรรมชาติที่ผมคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก และในบั้นปลายของชีวิตผมก็คงจะอยู่กับธรรมชาติแบบนี้ตลอดไป นี่แหละครับที่เรียกว่า back to the nature

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
Back To The Nature – Continued
Back To The Nature – After One Year Passed
Back To The Nature – One And A Half Year Later
Back To The Nature – Two Years Later